ข้าวอินทรีย์ไทย : ศักยภาพทางการตลาดที่น่าจับตา

  • warning: Creating default object from empty value in /home/thaiorga/domains/thaiorganictrade.com/public_html/sites/all/modules/openwebmini/openoai/ioai/ioai.module on line 591.
  • strict warning: Non-static method flag_flag::factory_by_row() should not be called statically in /home/thaiorga/domains/thaiorganictrade.com/public_html/sites/all/modules/contrib/flag/flag.module on line 1424.

ตลาดเกษตรอินทรีย์ของโลกยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลการสํารวจของสหพันธ์เกษตรอินทรีย์ นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements: IFOAM) และ FiBL (Research Institute of Organic Agriculture) พบว่า ในปี 2556 ประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุด คือ ออสเตรเลีย เท่ากับ 17.2 ล้านเฮกตาร์ (คิดเป็นร้อยละ 39.91 ของพื้นที่เกษตรอินทรีย์ทั่วโลก) โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ คือพื้นที่ปศุสัตว์ เพื่อเลี้ยงโคและแกะ รองลงมา คือ อาร์เจนตินา และสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ภูมิภาคเอเชีย มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ เท่ากับ 3.4 ล้านเฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 จากปี 2555 เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ของ ผู้บริโภคในตลาดเอเชียเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหาร และการรักษา สุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีน ทําให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคเอเชียมีการขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศในเอเชียที่มีพื้นที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์มากที่สุด ได้แก่ จีน และเป็นอันดับ 4 ของโลก รองลงมา คือ อินเดีย คาซัคสถาน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ตามลําดับ ไทยมีพื้นที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์ประมาณ 213,000 ไร่ คิดเป็นเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย มีผลผลิต 80,000 ตัน มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยมีสินค้าหลัก คือ ข้าว รองลงมา คือ น้ํามันพืช ผลไม้เมืองร้อน และมะพร้าว ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สําคัญของไทย คือ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ อย่างไร ก็ตาม การค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ในไทยยังมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ยังอยู่ในรูปแบบการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและ ผู้บริโภค ( อ่านข้อมูลเพิ่มเติมตามไฟล์แนบ)

 

แหล่งข้อมูล : สํานักการค้าสินค้า ส่วนสินค้าเกษตร กรมเจรจาการค้า กันยายน 2558

AttachmentSize
oganicrice.pdf247.22 KB